ความรู้เกี่ยวกับเครื่องโอโซน
โอโซน คือรูปหนึ่งของก๊าซออกซิเจนที่มีพลัง (Active
Oxygen) สามารถทำปฏิกิริยาออกซิเคชั่นกับสารอินทรีย์
สารอนินทรีย์ได้เกือบทุกชนิดทั้งในน้ำและในอากาศ
มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อที่รุนแรงและเร็วกว่าคลอรีนถึง 3,125 เท่า
โอโซนจะเข้าไปจับโมเลกุลของสารปนเปื้อน และทำการแยกย่อยสลาย
โดยการเปลี่ยนโครงสร้างของสารนั้น โอโซนเป็นก๊าซที่มีโครงสร้างไม่เสถียร
หลังทำปฏิกิริยา โอโซนจะแปรสภาพกลับเป็นก๊าซออกซิเจนซึ่งไม่เป็นอันตราย
หรือส่งผลกระทบใดๆ
ต่อมนุษย์ สัตว์และสิ่งแวดล้อม
หลังจากที่โอโซนจับตัว
และออกจากเครื่องผลิตโอโซนไปกระจายอยู่ภายในห้อง โอโซน
จะเปลี่ยนสภาพกลับมาเป็นออกซิเจน(O2) ทันที โดยขั้นตอนต่างๆ
เนื่องจากว่าโอโซนเป็นสารเคมีที่มีลักษณะไม่มั่นคง
ซึ่งจะทำให้เพิ่มแรงในขั้นตอนการทำปฏิกิริยาจากออกไซด์กับตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่น
สะสารต่างๆ จะถูกย้ายโดยโอโซน โอโซนจะเปลี่ยนเป็นออกซิเจน [O2] ภายใน 30
นาที
ด้วยจำนวนที่เท่ากับครึ่งหนึ่งของระดับของตัวมันเองหมายความว่าภายในระยะเวลา
30 นาที จะมีส่วนที่เหลือเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
เป็นหลักการเดียวกันกับเราขาคณิตที่ลดจำนวนทีละครึ่ง
เช่น 16,8,4,2,1 ในทางปฏิบัติครึ่งหนึ่งของวงจรของ โอโซน มักจะน้อยกว่า 30
นาทีของแบคทีเรียและสิ่งที่มีชีวิตอื่นๆ ในอากาศ แต่ในขณะเดียวกัน โอโซน
ก็มีพลังงานพอที่จะทำให้งานที่มันปฏิบัติอยู่สำเร็จลุล่วงได้.
ก๊าซโอโซนมีปฏิกริยาออกซิไดซ์รุนแรงมาก
ซึ่งจะทำลายเซลล์เนื้อเยื่อของเชื้อโรคแบบเฉียบพลันโดยเฉพาะเชื้อ
แบคทีเรียจะตายภายใน 2 นาที ในขณะที่คลอรีนจะใช้เวลาถึง 4 วัน
ทั้งนี้การใช้งานในส่วนของงานอุตสาหกรรมต้อง
ออกแบบให้เหมาะสมโดยวิศวกรที่ชำนาญงานเท่านั้น
ถ้านำไปใช้อย่างไม่ถูกวิธีจะไม่เกิดประโยชน์ ทำให้สูญเสียเงิน
และจะเข้าใจว่าโอโซนใช้แล้วไม่ได้ผล
ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กันของปัจจัยต่อไปนี้คือ
- ปริมาณก๊าซโอโซนที่ออกมาจากเครื่องผลิตต้องออกมาเต็มประสิทธิภาพ
- ปริมาณน้ำ และปริมาณสิ่งเจือปนในน้ำ (Type and Volume)
- การผสมโอโซนกันน้ำ (Mixing Method)
- เวลาที่ก๊าซโอโซนละลายน้ำ (Contact Time)
- อุณหภูมิ (Temperature)
- ค่า pH ของน้ำที่ต้องการบำบัด
ปริมาณโอโซนกับการกําจัดเชื้อโรคต่างๆ
1. ไวรัส ปริมาณโอโซน 0.5 - 1.5 P.P.M.(0.982 mg/m3 หรือประมาณ 1
มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร) สามารถกําจัดเชื้อไวรัสได้99%
โดยระยะเวลาการฆ่าเชื้อต้องไม่น้อยกว่า 4 นาที*
2. แบคทีเรีย
ปริมาณโอโซนที่ใช้ในการกําจัดเชื้อแบคทีเรียขึ้นอยู่กับชนิด
และปริมาณของแบคทีเรีย โดยทั่วไปโอโซนเข้มข้น 10 P.P.M.(19.682 mg/m3
หรือประมาณ 20 มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร)
สามารถกําจัดเชื้อแบคทีเรียได้99% โดยระยะเวลาการฆ่าเชื้ออย่างน้อย 10
นาที
3. เชื้อรา
ปริมาณโอโซนที่ใช้กับเชื้อราจะต้องใช้ปริมาณโอโซนมากกว่าการใช้กับเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย
เนื่องจากเชื้อรามีการ สร้างสปอร์ฉะนั้นในการกําจัดเชื้อรา 99 %
ต้องใช้ปริมาณ 20 P.P.M.(39.264 mg/m3 หรือประมาณ 40
มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ที่ระยะเวลาการฆ่าเชื้อ อย่างน้อย 30
นาที*ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณ
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กำหนดค่าเฉลี่ยของก๊าซโอโซนใน 1 ชม.ต้องไม่เกิน 0.10 ppm หรือไม่เกิน 0.20 มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร อ้างอิง
1. เครื่องฟอกอากาศโดยทั่วไปใช้วิธีกรองความสกปรกอากาศด้วยแผ่นกรอง เน้นฝุ่นละอองเป็นหลัก
- ประสิทธิภาพการทำงานขึ้นกับแรงดูดอากาศของพัดลมและคุณภาพของแผ่นกรอง
- ข้อจำกัด คือ ฟอกอากาศได้เฉพาะในส่วนของอากาศที่ดูดเข้าเครื่องได้ จึงไม่สามารถฟอกอากาศ ณ. ซอกมุมอับ หรือกลิ่นที่ติดผนัง พรม เฟอร์นิเจอร์ได้
2. เครื่องผลิตโอโซน เน้นการกำจัดกลิ่นอับชื้นและกระจายก๊าซโอโซนไปฆ่าเชื้อโรค สลายกลิ่น สลายก๊าซพิษได้ทั่วทั้งห้องรวมถึงภายในเครื่องปรับอากาศ
- ข้อจำกัด คือการใช้โอโซน ไม่เหมาะกับการสูดดมตรงๆ และไม่เน้นเปิดทั้งวันเพราะโอโซนมีสภาพเป็นกรดและมีกลิ่นคล้ายคาวปลา เครื่่องโอโซนทุกรุ่นจะต้องทีตัวตั้งเวลาขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานนั้นๆ
สิ่งที่มีประโยชน์ จะมีข้อจำกัดในการใช้งาน
หากราสูดดมตรงๆ มากๆ อาจเกิดการระคายเคืองเล็กน้อย
แต่ไม่ถึงกับเป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยการเปิดโอโซนควรเปิดในปริมาณเล็กน้อย
ซึ่งเราสามาถนั่งอยู่ได้ปกติ
หรือหากมีกลิ่นฉุนมากเกินไปก็ควรปิดเครื่องสักพักเพื่อให้โอโซนแตกตัวในระยะเวลา
8 วินาที- 30นาที